DJI Mavic 4 Pro: โดรนกล้องตัวจริงสำหรับคนจริงจังเรื่องภาพ

บทนำ

DJI เปิดตัว Mavic 4 Pro กลางปี 2025 พร้อมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแง่ของกล้อง และการออกแบบที่ตอบโจทย์มืออาชีพมากกว่าเดิม มันไม่ใช่แค่การอัปเกรดเล็กน้อยจาก Mavic 3 Pro แต่เป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งระบบที่บอกชัดว่า “นี่คือกล้องบินได้” มากกว่าจะเป็นแค่โดรนถ่ายภาพทั่วไป


กล้อง: หัวใจหลักที่ DJI ยกระดับจริงจัง

จุดขายที่ใหญ่ที่สุดของ Mavic 4 Pro อยู่ที่โมดูลกล้องสามตัวที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยกล้องหลักได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะใช้เซนเซอร์ Micro Four Thirds 25MP (100MP Quad Bayer) ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดโดรนพับได้ของ DJI ในตอนนี้

กล้องหลัก 1x (28mm):

เซนเซอร์ใหม่นี้ไม่ใช่แค่เพิ่มความละเอียด แต่ยังให้ไฟล์ RAW ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอย่างน่าทึ่ง Dynamic range กว้างขึ้น โทนกลางสมดุลดีขึ้น และที่สำคัญคือ “สี” จากโปรไฟล์ D-Log M, HLG และ RAW ดู “เป็นธรรมชาติ” มากกว่า Mavic รุ่นก่อนอย่างชัดเจน เหมาะกับทั้งการเกรดสีในงานวิดีโอและการดึงเงา-ไฮไลต์ในภาพนิ่ง

ระยะเลนส์ที่เปลี่ยนจาก 24mm เป็น 28mm (เทียบเท่า Full Frame) คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะมันลดการบิดเบี้ยวของเลนส์กว้างได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาใช้ถ่ายพาโนรามาแนวตั้งหรืองานสถาปัตยกรรม

รูรับแสง f/2.0–f/11 แบบปรับได้ช่วยให้คุมระยะชัดลึกและแสงได้ละเอียดขึ้น ถ่ายย้อนแสงก็ยังได้ไฟล์ RAW ที่ไม่แตก หรือหากต้องถ่ายช่วง Twilight ก็ยังเก็บรายละเอียดได้โดยไม่ต้องพึ่ง ISO สูงเกินจำเป็น

กล้อง Tele 2.5x (70mm) และ 6x (168mm):

กล้องรองทั้งสองตัวไม่ได้มาเพื่อซูมเล่น ๆ แต่มาเพื่อให้ “เฟรมภาพที่ใช้งานได้จริง” โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เข้าใกล้ตัวแบบไม่ได้ เช่น สัตว์ป่า อาคารสูง หรือวิวที่อยู่ไกล

กล้อง 2.5x ใช้เซนเซอร์ 1/1.3” แบบ Quad Bayer ที่ให้ความละเอียดสูงสุด 48MP และมีรูรับแสง f/2.8 คงที่ ให้ภาพที่คมชัดแม้ในแสงน้อย พร้อมโปรไฟล์สีเดียวกับกล้องหลัก

กล้อง 6x ใช้เซนเซอร์ 1/1.5” 50MP พร้อมเลนส์ 168mm ที่ให้ภาพ tele แท้ ๆ แบบไม่ดิจิทัลซูมอีกต่อไป ในงาน landscape หรือ cityscape ที่ต้องการมุมบีบฉากหลัง – กล้องตัวนี้คือของจริง

และไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานร่วมกัน: ทั้งสามกล้องสามารถใช้ถ่ายแนวตั้งได้โดยไม่ต้องครอป เพราะ gimbal ใหม่รองรับการหมุนเต็มรูปแบบ ทำให้คุณถ่ายคอนเทนต์โซเชียลคุณภาพสูงได้โดยไม่เสีย pixel เลย


AEB และ HDR สำหรับสายภาพนิ่ง

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกใจช่างภาพโดยเฉพาะคือ 7-shot AEB (Auto Exposure Bracketing) ที่ให้ภาพ -2.1EV ถึง +2.1EV ทำให้การถ่าย HDR หรือการรวมแสงยาก ๆ เช่น ท้องฟ้าร้อนกับพื้นดินมืด เป็นเรื่องง่ายมาก ภาพพาโนรามาแนวตั้ง HDR ที่เคยต้องใช้ 2-3 ชุดภาพซ้อน ตอนนี้ถ่ายเพียงชุดเดียวก็เพียงพอในหลายสถานการณ์

ไม่ว่าจะถ่ายแสงเช้าตรู่ แดดแรงตอนเที่ยง หรือแสงเย็นสะท้อนเมฆ – กล้องของ Mavic 4 Pro ให้คุณไฟล์ที่ “ไว้ใจได้” แทบทุกครั้ง

เสน่ห์ของการออกแบบ

ดีไซน์ใหม่ของ Infinity Gimbal เป็นจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ไม่เพียงสามารถถ่ายแนวตั้งได้โดยไม่ต้องครอป แต่ยังเอียงกล้องขึ้นลงได้มากกว่าปกติ ทำให้มุมมองภาพดูมีชีวิตขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเวลาใช้ถ่ายพาโนรามาหรือวิดีโอแบบเคลื่อนไหว

ตัวเครื่องแข็งแรง ดูพรีเมียม พับเก็บง่าย พร้อมฟังก์ชันเปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อกางแขน เพิ่มความสะดวกในงานภาคสนามที่ต้องความเร็วทันใจ


ประสบการณ์ใช้งาน

ภาพนิ่ง:
ภาพจากกล้องหลักให้ความรู้สึกใกล้เคียงกล้องมิเรอร์เลสขนาดใหญ่ ทั้งสี ความคมชัด และรายละเอียด แม้ในช่วงที่แสงย้อนหรือคอนทราสต์สูง AEB 7 ภาพช่วยให้ทำ HDR ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการถ่ายซ้ำหลายครั้ง

วิดีโอ:
การรองรับ 6K 60fps และ slow motion 4K 120fps ในตัว พร้อมโปรไฟล์สีแบบ D-Log M และ HLG ช่วยให้มืออาชีพสามารถนำไปเกรดสีต่อได้อย่างยืดหยุ่น วิดีโอดูมีมิติและเหมาะกับการใช้งานตั้งแต่ YouTube ไปจนถึงโฆษณาเต็มรูปแบบ

การควบคุม:
รีโมต RC Pro 2 เป็นตัวเปลี่ยนเกม ด้วยหน้าจอ Mini-LED 7 นิ้วที่สว่างจัด พับได้ ปรับองศาใช้งานง่าย และสามารถหมุนเพื่อถ่ายแนวตั้งได้ในทันที เพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ที่เน้นทำคอนเทนต์บนโซเชียล


การเชื่อมต่อและฟีเจอร์เสริม

  • สัญญาณ OcuSync 4+ ให้ความเสถียรสูง ไม่หลุดง่ายแม้ในพื้นที่มีสัญญาณรบกวน
  • ระบบเซ็นเซอร์ใหม่ช่วยบินในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นมาก เช่น บินช่วงเช้ามืดหรือเย็นหลังพระอาทิตย์ตก
  • แท่นชาร์จแบตเตอรี่แบบชาร์จพร้อมกันหลายก้อน ช่วยประหยัดเวลาหน้างานได้จริง
  • ความเร็วบินสูงสุดที่ 25 m/s ให้ความคล่องตัวเมื่อเจอสภาพลม หรือถ่ายวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว

จุดเด่น / จุดที่ควรรู้

DJI Mavic 4 Pro มีขนาดใหญ่และหนักกว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่พอสมควร แม้จะให้ความเสถียรในการบิน แต่ก็อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการพกพาง่ายหรือเดินทางเบาๆ

แม้ไม่มี ProRes มาให้ แต่ All-I Codec ที่ DJI เลือกใช้ก็ให้คุณภาพใกล้เคียงในไฟล์ที่จัดการง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการไฟล์คุณภาพสูงแต่ไม่อยากพก SSD หรืออุปกรณ์แยกเสริมเยอะ


เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ทำงานด้านภาพถ่ายหรือวิดีโอระดับมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพไฟล์ดีที่สุด
  • สายแลนด์สเคป สถาปัตย์ หรือถ่ายแนวตั้งเพื่อใช้ในโซเชียล
  • ครีเอเตอร์สายจริงจังที่ต้องการ Workflow มืออาชีพ แต่ยังอยากได้ความคล่องตัวแบบโดรน

หากคุณเป็นสายเริ่มต้นหรืออยากได้โดรนเบาๆ ใช้งานง่าย อาจพิจารณา Mini 4 Pro หรือ Air 3s ที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าในงบและการพกพา


สรุป

DJI Mavic 4 Pro คือเครื่องมือระดับสูงที่ตอบโจทย์ทั้งช่างภาพ ภาพเคลื่อนไหว และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ในระดับจริงจัง ไม่ใช่แค่รุ่นอัปเกรดจาก Mavic 3 Pro แต่เป็นการรีดีไซน์ใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่กล้องยันการควบคุม มันคือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหาโดรนที่ไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์ พร้อมผลลัพธ์คุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะบินในแสงเช้าจางๆ หรือลมแรงในเขาใหญ่

หากคุณพร้อมจะจริงจัง Mavic 4 Pro คือคู่หูที่คู่ควร

ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเทคโนโลยีกล้องและวิดีโอแบบจริงจัง ชอบติดตามข่าว ลองใช้ เปรียบเทียบ และพยายามทำความเข้าใจว่าแต่ละฟีเจอร์มันมีผลกับการใช้งานยังไงบ้าง พอได้ลองมากขึ้น ก็เลยอยากแชร์ไว้ เผื่อใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์ใหม่ หรืออยากเข้าใจสิ่งที่ดูซับซ้อนให้ง่ายขึ้น

Post Comment